Top

พระร่วงและจิตวิญญาณแห่งสุโขทัย

ความรักของพระร่วง
เชื่อกันว่าพระร่วงมีภรรยาสองคน คนแรกชื่อนางทอง เล่ากันว่าเป็นหญิงงามที่ถูกพระยานาคกลืนลงท้องไป พระร่วงใช้อิทธิฤทธิ์ล้วงท้องนาคตนนั้นช่วยนางทองออกมาได้ และได้นางทองเป็นภรรยา นางทองรักการทอผ้ามาก พระร่วงจึงสร้างเรือนแพไว้ให้นางทองทอผ้าให้สบายอารมณ์ เมื่อทอผ้าเสร็จแล้วก็จะเอาไปตากไว้ที่ลาน ซึ่งพระร่วงสาปไว้ไม่ให้มีต้นไม้ขึ้นให้กว้างขวางพอจะตากผ้าอ้อม ชาวบ้านจึงเรียกว่า "ลานตากผ้าอ้อม" วันหนึ่งนางทองถูกจระเข้คาบไป เมื่อพระร่วงทราบจึงออกติดตาม แม้จะไม่มีถนนหนทาง พระร่วงก็ใช้วาจาสิทธิ์เนรมิตทางขึ้น เรียกว่า "ถนนพระร่วง" ในที่สุดเมื่อตามไปจนถึงคลองทองแดง พบว่าจระเข้กินนางทองไปเสียแล้ว พระร่วงจึงสาปจระเข้ให้หลายเป็นหิน เรียกว่า "จระเข้ปูน" ยังปรากฏจนปัจจุบันนี้

ตำนานของความรักครั้งนี้เกี่ยวข้องกับพื้นที่อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร เป็นความพยายามเพื่อจะอธิบายพื้นที่พิเศษที่ไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปได้ เช่น "เขานางทอง" พบซากโบรารสถานบนยอดเขา เชื่อว่าเป็นวัดที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่กล่าวถึงในจารึก ลานหิน หรือแท่งศิลาแลงรุปร่างคล้ายจระเข้

ที่ตำบลสารจิตร อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เล่ากันว่าว่าวพระร่วงเคยตกลงมาในที่นาของนางคำซึ่งกำลังดำนาอยู่ พระร่วงตามมาพบว่านางคำมีรูปโฉมงดงามก็เกี้ยวพาราสี นางคำเห็นพระร่วงรูปร่างสูงใหญ่ก็กลัว แต่ฝันใจแกล้งชวนพระร่วงดำนาแข็งกัน หากพระร่วงชนะจะยอมเป็นภรรยา พระร่วงใช้วาจาสิทธิ์ทำให้ดำนาเสร็จในพริบตา นางคำเห็นดังนั้นก็วิ่งหนีมาจนถึงทุ่งนาแห่งหนึ่ง ร้องเรียกให้ชาวบ้านช่วย เพราะพระร่วงติดตามมา ผู้คนได้ยินแต่เสียงไม่เห็นตัวนางคำ เพราะนางซ่อนตัวอยู่ จึงเรียกที่นั้นว่า "บ้านนาร้อง" นางคำเห็นว่าไม่มีใครช่วยจึงออกจากที่ซ่อนวิ่งหนีต่อไป จนไปถึงหมู่บ้านหนึ่งเกิดสะดุดตอไม้ล้ม จึงเรียกที่นั้นว่า "บ้านแสนตอ" พระร่วงซึ่งวิ่งตามนางคำมาอย่างไม่ลดละแต่ก็ไม่ทันเสียที จึงหยุดลงแล้วคุกเข้าร้องไห้ที่นางคำไม่รัก เรียกบริเวณนั้นว่า "บ้านคุก" ไม่นานพระร่วงก็รวบรวมกำลังออกตามหานางคำต่อ มาเจอวัดเก่าแก่ขนาดใหญ่ จึงเรียกว่า "บ้านโบราณหลวง" แล้วเดินทางต่อไปจนพบแม่น้ำ ต้องข้ามแก่ง จึงเรียกว่า "บ้านแก่ง" เมื่อรู้สึกเหนื่อยจึงนั่งพักยู่ที่ทุ่งนา เรียกพื้นที่นี้ว่า "บ้านนาคอย" และแล้วพระร่วงก็พบนางคำ และพยายามจนได้นางคำเป็นภรรยา นางคำเสียใจมาก เดินไปล้างเนื้อล้างตัวในหนองน้ำ เมื่อนางคำล้างตัวนั้น น้ำกลายเป็นสีขาวขุ่น เรียกกันว่า "หนองจุ่มแตด" หลังจากนั้นนางคำไปหลบอยู่ในถ้ำ ใช้ผ้านุ่งปิดปากถ้ำไว้ พระร่วงจึงไม่สามารถเข้าไปตามตัวได้ เพราะหากลอดผ้านุ่งอาคมในตัวก็จะเสื่อม พระร่วงจึงอธิษฐานขอให้นางคำไม่สามารถออกมาจากถ้ำได้จนกว่าจะได้ผ้านุ่งที่ทอจากใยบัวที่ลอยมาจากสรวงสวรรค์ ถ้ำแห่งนั้นเรียกกันว่า "ถ้ำนางคำ" และพระร่วงเนรมิตหนองน้ำใหญ่ และจระเข้ไว้เฝ้าถ้ำ เรียกว่า "หนองจระเข้"

ในดินแดนล้านนามีตำนานเล่าว่า พระร่วงเคยลอบแปลงกายเป็นพระยางำเมือง แห่งเมืองพะเยาเพื่อลอบทำชูกับนางอั้วเชียงแสน เมื่อพระยางำเมืองรู้เขาจึงออกติดตามจับตัว พระร่วงแปลงกายเป้ฯนกเอี้ยงบินหนี พระยางำเมืองก็อธิษฐานให้นกเอี้ยงหมดแรง นกเอี้ยงก็ตกลงในหนองน้ำ เรียกว่า "หนองนกเอี้ยง" พระร่วงก็แปลงร่างเป็นโคแดงกระโดดหนีไปหนองน้ำอีกแห่งหนึ่ง เรียกว่า "หนองโคแดง" ในที่สุดพระร่วงแปลงเป็นตุ่นจะมุดดินหนี พระยางำเมืองเสกเสียมมนตร์มาขุดตามจับจนได้ ร้อนถึงพระยามังรายพระสหายของทั้งสองต้องมาตัดสิน ให้พระร่วงเสียทองคำน้ำหนักเท่าตัวนางอั้วเชียงแสนเป็นการไถ่โทษ แล้วเกณฑ์ทั้งสองไปไปสัญญาเลิกแล้วต่อกัน เรียกบริเวณนั้นว่า "บ้านเกณฑ์" จากนั้นทั้งสามองค์ไปยังรมฝั่งน้ำ หันหลังอิงกันทำสัตย์สาบานจะรักกันต่อไป เรียกแม่น้ำนั้นว่า "แม่น้ำอิง"

ตำนานความรักเหล่านี้ คงถูกเล่าขึ้นมาเพื่ออธิบายชื่อบ้านนามเมืองนั่นเอง


ย้อนกลับ